ร่มกันแดด และร่มกัน UV เหมือนกันหรือไม่ ประสิทธิภาพต่างกันอย่างไร?

การเลือกร่มให้เหมาะสมกับความต้องการนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้ร่มที่เหมาะกับการใช้งาน แต่การเลือกชนิดของร่มก็มีความสำคัญมากเช่นกัน ซึ่งร่มกันแดดและร่มกัน UV เหมือนกันหรือไม่ ประสิทธิภาพต่างกันอย่างไร มาทำความเข้าใจกับความแตกต่างของร่มทั้ง 2 แบบ และรังสีอัลตราไวโอเลต โทษเป็นอย่างไร ไปดูกันได้ในบทความนี้เลย 

ร่มกันแดดธรรมดา และร่มกันแดด กัน UV ต่างกันอย่างไร

ร่มกันแดดธรรมดา เป็นร่มกันแดดที่ใช้ผ้าร่มทั่วไป ซึ่งสามารถใช้กันฝนกันแดดได้ตามปกติ มีให้เลือกหลายขนาด สามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ และร่มกันแดดธรรมดานี้ มีทั้งแบบตัดเย็บด้วยผ้าร่มชั้นเดียว และ 2 ชั้น และไม่มีการเคลือบสารป้องกัน UV สามารถสังเกตได้จากตอนกางร่ม ตอนอยู่กลางแดด เมื่อกางร่มแล้ว จะเห็นลายนอกร่มอย่างชัดเจนเมื่อมองจากใต้ร่ม ซึ่งผ้าร่มธรรมดา จะทำให้แสง UV สามารถทะลุผ่านร่มมาได้ จึงไม่สามารถป้องกันแสง UV ได้

ส่วนร่มกันแดด UV จะใช้ผ้าร่มตัดเย็บสองด้าน ผ้าด้านในจะเป็นสีพื้นๆ ส่วนด้านนอกจะเป็นผ้าร่มสีสด มีการเคลือบสารป้องกัน UV สามารถสังเกตได้จากตอนกางร่ม เมื่ออยู่กลางแดด จะไม่มีแสงแดดทะลุผ่านเข้ามาถึงตัวคนที่อยู่ในร่มได้ จึงช่วยป้องกันความร้อนและแสงแดด แสง UV ได้เป็นอย่างดี 

ทำไมร่มกันแดด กัน UV สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้

รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นรังสีที่มาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งร่มกันแดดธรรมดา ไม่สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้ แต่ร่มกันแดด UV สามารถป้องกันแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลตได้ถึง 99% เพราะมีสารเคลือบป้องกัน UV ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตโดยเฉพาะ ที่จะก่อให้เกิดปัญหาในผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือแม้แต่มะเร็งผิวหนัง ดังนั้นร่มกันแดด UV จึงเป็นร่มที่เหมาะสำหรับพกพาไปข้างนอก ในตอนกลางวัน หรือในวันที่มีแสงแดดจัด 

รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) คืออะไร เป็นอันตรายต่อผิวอย่างไร

รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสี UV (Ultraviolet Radiation) เป็นรังสีธรรมชาติที่มีแหล่งกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ หรือเรียกได้ว่าเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ที่เดินทางผ่านตัวกลางในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีความยาวคลื่นอยู่ในระหว่าง 100 – 400 นาโนเมตร ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า รังสีเหนือม่วง ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลตจะแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ 1. รังสี UVA ความยาวคลื่นอยู่ในระหว่าง 320 – 400 นาโนเมตร 2. รังสี UVB ความยาวคลื่นอยู่ในระหว่าง 290 – 320 นาโนเมตร และ 3. รังสี UVC ความยาวคลื่นอยู่ในระหว่าง 220 – 290 นาโนเมตร 

ทั้งนี้รังสีอัลตราไวโอเลต ไม่ได้มีเพียงในธรรมชาติเท่านั้น เพราะอาจจะเกิดอุปกรณ์ที่ปล่อยรังสี UV ออกมา อย่างเช่น เครื่องทำผิวแทน หลอดแบล็คไลท์ หรือเกิดจากการทำให้วัตถุนั้นๆ มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนมากกว่า 2,500 องศาเคลวิน จนมีการปล่อยรังสีไวโอเลตออกมา แล้วรังสีอัลตราไวโอเลต โทษเป็นอย่างไร มาดูกันเลย 

โทษของรังสีอัลตราไวโอเลต 

• เกิดสิวผด 
• ผิวหนังเหี่ยวย่น
• เกิดริ้วรอยบนผิวหน้า 
• เกิดฝ้าแดด ฝ้าแดง กระ จุดด่างดำบนใบหน้า
• ระคายเคือง แพ้แสงแดด
• เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
• ภูมิคุ้มกันต่ำลง
• ผิวคล้ำ 
• ผิวไหม้
• เยื่อบุตาอักเสบ
• กระจกตาอักเสบ
• เสี่ยงเป็นต้อเนื้อ ต้อกระจก

ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลต (รักษาโรคภายใต้การดูแลของแพทย์)

รู้กันไปแล้ว ว่ารังสีอัลตราไวโอเลต โทษเป็นอย่างไร แต่รู้หรือไม่ว่า รังสี UV ก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ประโยชน์ UV ในที่นี้ไม่ใช่แสงแดด UV ที่ต้องตากแดดในทุกๆ วัน แล้วจะได้ประโยชน์ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหรือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งการได้รับรังสี UV     ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ ซึ่งประโยชน์ของรังสี UV มีดังนี้ 

• สามารถกระตุ้นการสร้างวิตามินดีให้แก่ร่างกายได้
• ในทางการแพทย์ สามารถนำรังสีอัลตราไวโอเลต ไปรักษาโรคผิวหนังและโรคกระดูกได้ อย่างเช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก โรคสะเก็ดเงิน และโรคด่างขาว 
• สามารถนำไปวิเคราะห์แร่ต่างๆ ได้
• นำมาเป็น Black Light เพื่อตรวจเอกสารต่างๆ ที่สำคัญ
• สามารถนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคได้ ไม่ว่าจะในอาหาร น้ำดื่ม และตามเครื่องมือต่างๆ 
• สามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับทางการเกษตรได้ 

5 วิธีปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตในชีวิตประจำวัน

รังสีอัลตราไวโอเลต สามารถป้องกันได้ง่ายๆ มาดู 5 วิธีปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตในชีวิตประจำวัน ดังนี้ 

1. ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

การทาครีมกันแดดทุกครั้ง เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ ในปัจจุบันนี้ครีมกันแดดมีหลายแบบให้เลือกมากมาย ซึ่งในการเลือกครีมกันแดดนั้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมากพอในการปกป้องรังสี UV และควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองด้วย

2. สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด พร้อมหมวก และแว่นกันแดด 

ก่อนจะออกไปข้างนอก แค่ทาครีมกันแดดคงไม่พอ เพราะวิธีการป้องกันแสงแดด ไม่ให้ทำร้ายผิวอีกวิธีหนึ่ง ก็คือ การสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด อย่างเช่น ใส่กางเกงขายาว ใส่เสื้อแขนยาว โดยเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีการระบายความร้อนได้ดี เพราะเมื่ออยู่ในที่กลางแจ้งหรือในที่ ที่มีแสงแดดเป็นเวลานานๆ จะช่วยป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี แถมไม่มีความร้อนสะสมภายใต้เสื้อผ้าที่สวมใส่อีกด้วย 

นอกจากการสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด จะเป็นการปกป้องผิวแล้ว การสวมหมวก ก็สามารถป้องกันแสงแดดที่จะมากระทบผิวหน้า และก่อให้เกิดผิวหมองคล้ำ ผ้า กระ ได้ หรือการสวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายที่จะเกิดกับดวงตาได้ เช่น ต้อกระจก เยื่อบุตาอักเสบ เป็นต้น

หลีกเลี่ยงแสงแดด เท่าที่จะทำได้

ในช่วงเวลาที่รังสี UV มีความแรงและมีความเข้มข้นมากที่สุด คือ ช่วงเวลา ตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น. จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงในการอยู่กลางแจ้งมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องอยู่กลางแดด ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ทาครีมกันแดด สวมหมวกและแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากแสงแดดได้

ใช้ร่มกันแดด กัน UV ได้

อีกหนึ่งวิธีสำหรับการป้องกันแดด นั่นก็คือ การใช้ร่มกันแดด UV เพราะ ร่มกันแดด กัน UV สามารถป้องกันรังสี UV และป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ อีกทั้งร่มกันแดด UV ยังสามารถป้องกันแสงแดดได้ดีกว่าร่มกันแดด แบบธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้ง หรือในที่ที่มีแสงแดดจัด ก็สามารถลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้อีกด้วย ซึ่งสามารถเลือกร่ม แบบพับ 2 ตอน หรือ 5 ตอน หรือพับใส่กระเป๋าได้ เพื่อความสะดวกในการพกพา 

รับประทานอาหารฟื้นฟูผิวจากข้างใน

นอกการทำครีมบำรุงผิว หรือการป้องกันแสงแดดจากวิธีอื่นๆ แล้ว อีกหนึ่งวิธีสำหรับการฟื้นฟูผิวให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด นั่นก็คือ รับประทานอาหารฟื้นฟูผิว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเสริม หรือผักและผลไม้ ที่มี Vitamin C สูง ซึ่งรวมไปถึง Vitamin A และ Vitamin E ที่มีส่วนช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้ด้วย

ทำไมต้องมอบร่มกันแดด กัน UV พรีเมียมเป็นของที่ระลึก

การให้ร่มเป็นของขวัญที่ระลึก นั้นเป็นความหมายที่ดี ที่สื่อถึงสิ่งที่เต็มไปด้วยคุณค่า ความปรารถนาดี และความห่วงใย ที่จะส่งต่อไปยังผู้รับ ให้ผู้รับได้รู้สึกถึงการอยู่ภายใต้ร่มเงา ความร่มเย็น โดยเฉพาะ ร่มกันแดด กัน UV นี้ ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องมีทุกบ้าน และต้องพกติดตัวไว้อยู่เสมอ เพราะสามารถช่วยป้องกันแสงแดด ป้องกันฝนตกได้เป็นอย่างดี 

การมอบร่มกันแดด กัน UV พรีเมียมเป็นของที่ระลึก สามารถมอบให้ได้ทั้งผู้ใหญ่ และคนที่อายุน้อยกว่าไปจนถึงคนรักและคนพิเศษ อีกทั้งยังมอบได้ทั้งในงานพิธีมงคลหรืองานต่างๆ นำมาเป็นของชำร่วย ของที่ระลึกให้แก่แขกผู้มาร่วมงาน หรือเป็นของขวัญแทนใจที่แสดงถึงคำขอบคุณแก่แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน หรือสำหรับธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการ ก็สามารถนำมาเป็นของที่ระลึกให้กับลูกค้าได้ เพื่อแสดงถึงความห่วงใย และแทนการขอบคุณ ซึ่งปัจจุบันนี้ร่มกันแดด กัน UV ได้ถูกออกแบบให้มีความสวยงามตามยุคสมัย ทั้งลวดลาย สีสัน เพื่อสอดคล้องให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน

สรุป 

ร่มกันแดดธรรมดา สามารถใช้กันฝนกันแดดได้ตามปกติ มีให้เลือกหลายขนาด แต่ร่มกันแดดธรรมดา ไม่มีการเคลือบสารป้องกัน UV ส่วนร่มกันแดด UV จะใช้ผ้าร่มตัดเย็บสองด้าน มีการเคลือบสารป้องกัน UV ซึ่งร่มกันแดด UV สามารถป้องกันแสงแดดได้ถึง 99% เพราะร่มกันแดด UV มีสารเคลือบป้องกัน UV ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดสิวผด ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยบนผิวหน้า การเกิดฝ้าแดด ฝ้าแดง กระ จุดด่างดำบนใบหน้า ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ป้องกันผิวคล้ำได้ 

ซึ่งการมอบร่มกันแดด UV เพื่อเป็นของขวัญที่ระลึก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสม เพราะแดดประเทศไทยร้อนและแรงมาก ร่มกันแดด กัน UV จึงเป็นสิ่งที่ต้องพกติดตัวไว้อยู่เสมอ เพราะสามารถช่วยป้องกันแสงแดด ป้องกันฝนตกได้เป็นอย่างดี สามารถมอบให้ได้ทั้งผู้ใหญ่ และคนที่อายุน้อยกว่าไปจนถึงคนรักและคนพิเศษ อีกทั้งยังมอบได้ทั้งในงานพิธีมงคลหรืองานต่างๆ ได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาร่มกันแดด เพื่อนำไปเป็นของที่ระลึก ต้องร่มกันแดด กัน UV จาก Giftwise ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันรังสี UV และทนความร้อนได้ดีกว่าร่มทั่วไป ซึ่งเหมาะแก่การนำมาเป็นของที่ระลึก ของชำร่วย และของขวัญให้กับผู้อื่น รับรองว่าผู้รับจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน